นายพันธุ์เทพ ทานชิติกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้ออกมาแนะนำวิธีสังเกตและเลือกบริษัทรับสร้างบ้านในเบื้องต้น เพื่อประกอบการตัดสินใจ โดยยกตัวอย่าง บริษัทสุระปัญญา เป็นตัวอย่างในข้อสังเกตดังนี้
1) ราคาที่ผู้ประกอบการ ใช้โฆษณาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปโดยเฉลี่ยตั้งแต่ 20-30% ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า จะมีผู้ประกอบรายใดสามารถส่งมอบงานที่มีคุณภาพภายใต้ราคา ดังกล่าวได้
2) เงื่อนไขการชำระเงินมีการเก็บเงินล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก และในงวดก่อนสุดท้ายพบว่ามีการเก็บเงินไปแล้ว 90% ขณะที่งานก่อสร้างดำเนินการไปเพียง 50%
3) ข้อความบางตอนในสัญญากำหนด ให้สัญญาต้องถูกยกเลิกเมื่อผู้ว่าจ้างไม่ชำระเงินตามกำหนด ซึ่งผู้ว่าจ้างส่วนใหญ่เมื่อรู้สึกตัวว่าชำระเงินไปมาก แต่ยังไม่ได้รับงาน (ก่อสร้างบ้าน) ที่เหมาะสมจึงหยุดชำระเงินและเป็นเหตุให้ผิดสัญญา
4) จากข้อร้องเรียนของผู้เสียหายพบว่า ยังไม่เคยมีรายใดที่บริษัทสุระปัญญาก่อสร้าง บ้านให้แล้วเสร็จ จึงเป็นเหตุให้สงสัยว่าบริษัทมีเจตนาจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จหรือไม่
จากกรณีของบริษัทสุระปัญญา สมาคมได้ประชาสัมพันธ์ “สัญญามาตรฐานปลูกสร้างบ้าน” เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคใช้ศึกษาประกอบการตัดสินหรือ ใช้ในการทำสัญญาว่าจ้างปลูกสร้างบ้าน ซึ่งปัจจุบันสมาชิกส่วนใหญ่ของสมาคมได้ศึกษา และปรับปรุงสัญญาของตนให้สอด คล้องกันกับสัญญามาตรฐานแล้ว
เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่เกิดมานาน และเชื่อว่ายังคงจะมีต่อไปอีก ดังนั้นเพื่อให้ผู้บริโภคไม่ตกเป็นเหยื่อของ ผู้ประกอบการที่ไม่สุจริต จึงต้องมีหลักการเลือกผู้ประกอบการสร้างบ้านดังนี้
1) ราคามักเป็นกับดักที่ใช้ได้ผลเสมอ สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่สุจริต เนื่องจากบ้านเป็นสินค้าราคาสูง ผู้ซื้อส่วนใหญ่ต้องเก็บสะสมเงินมาเป็นเวลานาน บางรายอาจจะไม่มีความพร้อม 100% ทำให้ผู้ซื้อบางรายพยายามแสวงหาราคาบ้านที่ถูกที่สุด เพราะหวังว่าจะใช้จ่ายน้อยที่สุด จนขาดความเฉลียวใจ และตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี ทั้งนี้ทุกอาชีพย่อมมีผู้ให้บริการ ที่แตกต่างกัน ซึ่งสะท้อนผ่านราคา จึงต้องเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง และประสบการณ์ใกล้เคียงกัน
2) ราคาต้องไม่แตกต่างจากราคาเฉลี่ยในอุตสาหกรรม (สร้างบ้าน) มากนัก เนื่องจากธรรมชาติของการแข่งขันเสรี ไม่น่าจะมีผู้ประกอบการรายใดสามารถเสนอราคาที่แตกต่างกันมาก และสามารถดำรงธุรกิจอยู่ได้ โดยปราศจากคู่แข่งที่ตั้งราคาใกล้เคียงกัน
3) คุณภาพงานบ้านเป็นสิ่งที่ขึ้นกับ ความพึงพอใจของผู้บริโภค นอกเหนือจากมาตรฐานงานช่างทั่วไป บ่อยครั้งข้อพิพาทอาจไม่ได้มาจากมาตรฐานงาน แต่มาจากความคาดหวังของผู้บริโภค ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าพอใจกับผลงานของผู้ประกอบการ จึงจำเป็นต้องขอดูผลงาน (บ้านที่สร้างให้กับลูกค้ารายอื่นๆ) ประกอบการตัดสินใจเสมอ
4) สัญญาว่าจ้างถือเป็นข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยง ข้อพิพาทและควบคุมทุกฝ่ายให้ปฏิบัติตาม จึงควรตรวจสอบรายละเอียดที่ระบุไว้เฉพาะบ้านที่ท่านต้องการ นอกเหนือจากบทบังคับเรื่องสิทธิและหน้าที่ระหว่างคู่สัญญา
5) งวดงานก่อสร้าง เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไม่สุจริตมักใช้เป็นเครื่องมือเอาเปรียบ เนื่องจากการฉ้อโกงหรือเอาเปรียบใดๆ ล้วนมีวัตถุประสงค์เดียว คือต้องการเงิน โดยทำงานน้อยที่สุด ดังนั้นหากมีการชำระเงินล่วงหน้ามากผิดปกติ ต้องตั้งข้อสังเกตและสอบถามถึงวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ
สมาคมเชื่อว่า หากท่านผู้บริโภคปฏิบัติตามคำแนะนำเบื้องต้น จะสามารถ หลีกเลี่ยงผู้ประกอบการที่ไม่สุจริตได้อย่างแน่นอน
โดย พันธุ์เทพ ทานชิติกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ 03-09-09